Last updated: 1 ก.ย. 2561 | 2111 จำนวนผู้เข้าชม |
“...นาย ก. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงในการนี้ นาย ก. กับพวกและเจ้าหนี้การพนันของนาง B ได้ร่วมกันเจรจาต่อรองให้นาง B ชำระหนี้สินการพนันให้แก่เจ้าหนี้ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับสามีของนาง B ซึ่งศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกหมายจับกรณีมีพฤติการณ์หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นเหตุให้นาง B ตกลงยินยอมชดใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ รวมทั้งจัดทำหนังสือรับสภาพหนี้มอบให้แก่เจ้าหนี้การพนันไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวสามีของนาง B ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว โดยไม่ได้ให้ดำเนินคดีในข้อหาเล่นการพนันแต่ให้ส่งตัวไปที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ตามหมายจับ...”
x-files : พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตคดีดังในอดีต ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมาเสนอต่อเนื่องเป็นตอนที่ 11 เพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายนำไปใช้เป็นแนวทาง ในการตรวจสอบคดีทุจริตต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ว่า รูปแบบพฤติการณ์การทุจริต รวมไปถึงข้อกฎหมายสำคัญที่ใช้ในการตัดสินคดีของ ป.ป.ช. มีรายละเอียดเป็นอย่างไร ในตอนนี้ยังคง เป็นตัวอย่างคดีทุจริตในหมวดเจ้าหน้าที่รัฐเรียก รับ ผลประโยชน์ จะมีคดีสำคัญอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย (การเผยแพร่ข้อมูลระบุชื่อผู้เกี่ยวข้อง เป็นตัวอักษรย่อ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา เพราะบางคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล)
@ เรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ข้อเท็จจริง เมื่อปี 2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัวนาง B และสามี ซึ่งลักลอบเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ได้มอบตัวให้กับสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าวไปดำเนินคดีกลับนำตัวนาง B และสามีขึ้นรถยนต์ไปที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยพาไปยังห้องทำงานของนาย ก. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงในการนี้ นาย ก. กับพวกและเจ้าหนี้การพนันของนาง B ได้ร่วมกันเจรจาต่อรองให้นาง B ชำระหนี้สินการพนันให้แก่เจ้าหนี้ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับสามีของนาง B ซึ่งศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกหมายจับกรณีมีพฤติการณ์หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นเหตุให้นาง B ตกลงยินยอมชดใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ รวมทั้งจัดทำหนังสือรับสภาพหนี้มอบให้แก่เจ้าหนี้การพนันไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวสามีของนาง B ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว โดยไม่ได้ให้ดำเนินคดีในข้อหาเล่นการพนันแต่ให้ส่งตัวไปที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ตามหมายจับ
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. กับพวก มีมูลความผิดทางวินัย ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 78(1) ประกอบมาตรา 79(6) และมาตรา 79(1)(5) และมีมูลความผิดทางอาญา ตามกฎหมายอาญามาตรา 149 และ 157
@ เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการได้รับสัญญาจ้างทางธุรกิจ
ข้อเท็จจริง นาง ก. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดงานระดับนานาชาติ 4 โครงการและโครงการจัดจ้างที่เกี่ยวข้องอีกจำนวน 21 รายการ ในจำนวนนี้ มีบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจของสองสามีภริยาชาวต่างชาติคู่หนึ่ง ได้รับการจัดจ้างจำนวน 16 รายการ โดยนาง ก. ได้เรียกรับสินบนจากสองสามีภริยา เพื่อแลกกับการได้รับสัญญาจ้างและสัญญาจ้างช่วงที่มีผลตอบแทนสูงเพื่อประโยชน์ของธุรกิจของบุคคลทั้งสอง ภายหลังจากที่สองสามีภริยาได้รับเงินจากการทำสัญญาว่าจ้างแล้ว จะจ่ายเงินให้กับ นาง ก. เป็นแคชเชียร์เช็คหรือการโอนเงินระหว่างประเทศ ไปยังบัญชีในนามของ นางสาว ข. บุตรสาวหรือเพื่อนของนาง ก. ในธนาคารที่อยู่ต่างประเทศ บางครั้งได้จ่ายเป็นเงินสดให้นาง ก. โดยตรง ซึ่งภายหลังจากที่นาง ก. ได้พ้นจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดไปแล้ว ยังได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ ก็ได้ให้การช่วยเหลือสองสามีภริยาอย่างต่อเนื่องในการได้รับและคงไว้ซึ่งธุรกิจกับรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ รวมทั้งได้รับเงินคงค้างที่ถึงกำหนดจ่าย ทั้งนี้ปรากฏพยานหลักฐานว่า มีการฝากเงินเข้าบัญชีเงินฝากของนางสาว ข. จำนวนหลายครั้งตั้งแต่ปี 2545 – 2549
จากพฤติการณ์ที่นางสาว ข. ร่วมรู้เห็นในการกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ของนาง ก. และยังมีพฤติการณ์เปิดบัญชีเงินฝากเพื่อให้มีการส่งเงินสินบนผ่านบัญชีเพื่อประโยชน์ของนาง ก. โดยทุจริต จึงฟังได้ว่านางสาว ข. บุตรสาวนาง ก. มีพฤติการณ์รู้เห็นเป็นใจในการที่นาง ก. กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ข้างต้นด้วย
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาง ก. มีมูลเป็นความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6 และมาตรา 11 และกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และการกระทำของ นางสาว ข. มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดดังกล่าว
@ เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการช่วยเหลือในการสอบเข้ารับราชการ
ข้อเท็จจริง องค์การบริหารส่วนตำบล โดยนาย ก. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขันพนักงานส่วนตำบล 12 ตำแหน่ง และได้ขอรับการสนับสนุนบุคลากรจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการในจังหวัดเพื่อทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการดำเนินการสอบ ตรวจข้อสอบ ซึ่งนาย ก. ได้เปิดห้องพักโรงแรมจำนวน 2 ห้อง เพื่อใช้เป็นที่พักหรือสถานที่รับแขก เพื่อติดต่อการเรียกรับสินบนในการช่วยเหลือให้ผู้สมัครสอบแข่งขันสอบข้อเขียนผ่าน และเป็นสถานที่สำหรับแก้ไขกระดาษคำตอบ โดยร่วมมือกับกรรมการดำเนินการสอบและเจ้าหน้าที่ตรวจข้อสอบบางรายลักลอบนำกระดาษคำตอบออกมาแก้ไข
ต่อมาจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากมีการร้องเรียนว่ามีการทุจริตเรียกรับเงิน และจากการรายงานพบว่ามีการแก้ไขกระดาษคำตอบเฉพาะผู้ที่สอบผ่านข้อเขียนและมีร่องรอยการแก้ไขกระดาษคำตอบจำนวนมาก ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการไปยังนายอำเภอในฐานะผู้กำกับดูแลแจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลยกเลิกการขึ้นบัญชีการสอบแข่งขันได้พร้อมกับให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน แต่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลมิได้ดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. และคณะกรรมการดำเนินการสอบ ตรวจข้อสอบ เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและหรือเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157, 161, 264, 265 และ 268 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 แล้วแต่กรณี
@ เรียกรับเงินจากผู้รับจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการเบิกจ่ายเงินค่าจ้าง
ข้อเท็จจริง องค์การบริหารส่วนตำบล A ได้ทำสัญญาจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง ดำเนินการขุดลอกอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ที่รับผิดชอบ แต่ปรากฏว่าขณะทำการขุดลอกเกิดฝนตกอย่างหนัก ทำให้คันดินที่กั้นน้ำพังทลายน้ำไหลทะลักเข้าพื้นที่ขุดลอก ทำให้ไม่สามารถทำการขุดลอกได้อีก ผู้รับจ้างจึงขอส่งมอบงานและขอเบิกเงินค่าจ้างตามปริมาณงานที่ทำได้จริง คณะกรรมการตรวจการจ้างได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เกิดจากเหตุสุดวิสัย จึงเห็นชอบตามที่ผู้รับจ้างร้องขอ ซึ่งนาย ก. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล A ได้พิจารณาเห็นชอบและร่วมลงนามทำบันทึกต่อท้ายสัญญาจ้าง รวมทั้งพิจารณาอนุมัติให้เบิกจ่ายค่าจ้างแก่ผู้รับจ้างตามปริมาณงานที่ทำจริง แต่ในการจัดทำเช็คเพื่อเบิกจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง ได้เสนอให้นาย ก. ลงนาม แต่นาย ก. กลับไม่ลงนาม และเรียกร้องเงินจำนวนหนึ่งจากผู้รับจ้างเพื่อแลกเปลี่ยนกับการลงนามในเช็ค ผู้รับจ้างจึงได้ร้องทุกข์กับตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง และมีการวางแผนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนาย ก. ขณะรับเงินจากผู้รับจ้าง ณ ห้องทำงานของนาย ก.
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีการกระทำของ นาย ก. มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90
@ การทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์
ข้อเท็จจริง นาย ก. อดีตนักบริหารทั่วไป 5 สำนักงานบริการโทรศัพท์จันทบุรี บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีหน้าที่รับเรื่องติดตั้ง ย้าย โอน สำรวจประมาณการการติดตั้งและทะเบียนคู่สายประจำสำนักงานบริการโทรศัพท์จันทบุรี ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับชำระเงิน แต่ได้นำใบเสร็จรับเงินของสำนักงานบริการโทรศัพท์จันทบุรี ไปกรอกข้อความเรียกเก็บเงินค่าทางสายเกินจากผู้เช่าที่ขอติดตั้งใหม่ โดยทำให้ผู้เช่าฯ จำนวน 61 ราย เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ในการเก็บเงินดังกล่าว ทั้งๆ ที่ผู้ถูกกล่าวหามิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นแต่อย่างใด แล้วนำเงินที่เรียกเก็บได้จำนวนทั้งสิ้น 320,373.20 บาท ไปใช้เป็นประโยชน์สำหรับตนเองโดยทุจริต ทำให้บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. เป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นหรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 และเป็นความผิดทางอาญา ฐานปลอมและใช้เอกสารใบเสร็จรับเงินปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 265 และมาตรา 268และเป็นความผิดวินัย
------------
ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของตัวอย่าง คดีสำคัญในหมวดเกี่ยวกับทุจริตเจ้าหน้าที่รัฐเรียก รับ ผลประโยชน์ จะมีคดีสำคัญอะไรบ้าง โปรดติดตามเช่นเดิม