รายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560

Last updated: 12 ธ.ค. 2560  |  1576 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 20.15 น.
------------------------------------------

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน

วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ได้มาพูดคุยกับพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง วันนี้มีเรื่องที่น่าสนใจหลายเรื่อง ก่อนอื่นอยากจะน้อมนำอีกหนึ่งในศาสตร์พระราชามาเล่าสู่กันฟัง โลกวันนี้นั้นเต็มไปด้วยสิ่งล่อตาล่อใจ ความสับสนอลหม่าน เพราะฉะนั้นใครที่ขาดสติ ก็อาจถูกกิเลสครอบงำโดยง่าย ขาดภูมิคุ้มกัน เพราะฉะนั้นมนุษย์เราควรจะมีหลักธรรมคำสอนทางศาสนาเป็นเครื่องนำทาง เพื่อจะใช้เป็นเกราะป้องกันตัว เป็นภูมิคุ้มกันอยู่เสมอ

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ได้ทรงเห็นถึง "ภัยเงียบ" ต่าง ๆ เหล่านี้ และได้ให้แนวทางพระราชทาน ในการที่จะสร้างเกราะป้องกันตนเอง ป้องกันครอบครัว ป้องกันสังคมด้วย คำว่า “บวร” ที่มาจากคำว่า บ้าน วัด โรงเรียน ที่เป็นการเชื่อมโยง 3 สถาบันหลักของไทย เพื่อนำมาใช้ในการเอาชนะ “มลพิษทางจิตใจ” และสร้างความเข้มแข็งให้กับคนในชาติ และชุมชน ตั้งแต่ระดับฐานรากขึ้นมาเลย

พ่อแม่พี่น้องครับ ในส่วนตัวผมนั้นเชื่อว่า “ศาสตร์พระราชา” นี้ จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างชาติ ด้วยการสร้างทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งก็คือประชาชนทุกคนให้ตั้งมั่นอยู่ในศีล ในธรรม มีจิตใจที่สูง ที่จะช่วยให้ปัญหาต่าง ๆ ของสังคมได้ทุเลาเบาบางลง แล้วก็เปลี่ยนหนักให้กลายเป็นเบาได้

สำหรับในวันพรุ่งนี้ 11 กุมภาพันธ์ จะเป็น “วันมาฆบูชา” ผมก็อยากให้พวกเราคนไทยทุกคน โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชนที่ยึดมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าในการดำเนินชีวิตอยู่เสมอ เหมือนที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปกครองบ้านเมือง โดยยึดหลัก “ทศพิธราชธรรม” ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา สำหรับสามัญชนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นั้น ผมขอให้ยึดหลักธรรมสำคัญอันเป็นหัวใจเป็นแก่นแท้ทางศาสนาพุทธ 3 ประการ คือ การทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์เพียงเท่านี้ สังคมของเรา บ้านเมืองของเรา ก็จะเป็นปกติสุข สิ่งที่เคยเป็นปัญหาในบ้านเมืองเรามา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กปัญหาใหญ่ก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

พี่น้องประชาชนครับ

ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ก็มีเรื่องที่เป็นสิริมงคล มีความสำคัญกับปวงชนชาวไทย 2 ประการด้วยกัน ซึ่งผมจะขอนำมากล่าวย้ำในวันนี้ อีกครั้ง เรื่องแรก คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพพยวรางกูร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดให้ “วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี” เป็น “วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา” ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็น “วันชาติ” และเป็น “วันพ่อแห่งชาติ” อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อจะน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานต่อประเทศชาติ และประชาชนของพระองค์เสมอมา

นอกจากนั้น ท่านทราบหรือไม่ครับว่า “วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี” มีความสำคัญกับชาวโลกอย่างไร ผมจะขอให้ทุกท่านได้ภูมิใจว่า สำนักงานใหญ่องค์การเกษตรและอาหารแห่งสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคม เป็น “วันดินโลก” ทั้งนี้ เพื่อให้โลกได้ตระหนักว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรานั้น ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานจนประสบผลสำเร็จ สร้างคุณประโยชน์ ทั้งแก่ชาวไทยและชาวโลก อย่างกว้างขวาง สมกับพระนามภูมิพลของพระองค์ท่าน ที่แปลว่า “กำลังของแผ่นดิน” อีกเรื่องหนึ่งคือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ ขึ้นเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ โดยในหลวงรัชกาลที่ 10 จะเสด็จทรงประกอบพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ด้วยพระองค์เอง ในวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 17.00 นาฬิกา ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

ผมหวังว่าเรื่องราวทั้ง 2 เรื่องนี้ จะเป็นสิริมงคล เกี่ยวกับสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะช่วยกันทำนุบำรุงขวัญและกำลังใจให้กับคนไทยทั้งชาติ และเราก็ถือว่าเป็นพลังอำนาจของชาติที่ไม่มีตัวตน แต่กลับมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าพลังอำนาจทางทหาร หรือทางเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่า หากพลังเหล่านี้ ซึ่งเป็นพลังทางสังคมที่อาจจะจับต้องไม่ได้ทั้งกายภาพมีความเข้มแข็ง เป็นปึกแผ่น ปรองดอง สมัครสมานสามัคคีกันแล้ว ไม่ว่าจะเกิดภัยน้อย ภัยใหญ่ หรือภัยจากภายนอก ภายใน ก็ไม่อาจจะสามารถทำลายบ้านเมืองของเราได้ ผมอยากจะฝากประชาชนช่วยกันคิดว่า เราจะแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองของเราได้อย่างไร เราก็ควรจะต้องมีหลักคิด ไม่ใช่คิดอย่างเดียว ต้องมีหลักคิดในเรื่องประชาธิปไตย ในเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม เราจะคิดกันอย่างไรต้องมีหลักการและเหตุผล แล้วทำอย่างไรการศึกษาของเรา จึงจะสอนให้คนของเราคิดเป็น คิดโดยใช้หลักการที่ถูกต้อง ไม่ใช่มีเฉพาะคิดเป็น อาจจะคิดเป็น คิดไม่ดีก็ได้ เพราะฉะนั้น ต้องมีหลักการคิดที่ถูกต้อง เจตนาก็เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ดี และได้ปฏิบัติตนตามความคิดที่ดี เพื่อประโยชน์เพื่อชาติบ้านเมืองและของตนเองด้วย อันนี้ก็ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่า ให้นายกรัฐมนตรี รัฐบาล คิดแต่เพียงอย่างเดียว ประเด็นสำคัญ คือ เราจะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์จากการคิดร่วมกันด้วยหลักการเดียวกันนั้นได้อย่างไร โดยไม่เพียงเฉพาะคาดหวัง กดดันรัฐบาลแต่เพียงอย่างเดียว

พี่น้องประชาชนที่รักครับ

ประเทศไทยวันนี้ถ้าเราเปรียบเทียบกับคนทั่วไปก็ไม่ต่างจากเป็นคนป่วยอาจจะเบาลงแล้ว โรคที่เราป่วยมากอาจจะป่วยน้อย แล้ววันนี้เราก็มีการกินยาควบคุมอาการเอาไว้ด้วย เสริมด้วยการให้วิตามิน สร้างความเข้มแข็งไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นเราต้องระมัดระวัง เหมือนกับขาดยาเมื่อไหร่ โรคต่าง ๆ เหล่านั้น ก็จะกำเริบถ้าเราแก้ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้ นับวันถ้าเราไม่ช่วยกันแก้ ก็จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะเห็นว่าอาการป่วยที่ว่านั้น ในสังคมเราเห็นทุกวัน เห็นได้จากในเรื่องของการใช้ความรุนแรง ทั้งในครอบครัว สถานศึกษา ในสังคม การทุจริต การแพร่ระบาดยาเสพติดเหล่านี้ เป็นต้น อาการเหล่านี้ส่งผลกระทบเชื่อมโยงกัน เราแยกออกได้ยาก จะทำให้เกิดสังคมที่ไม่เป็นสุข เกิดเด็กแว้น เกิดวัยรุ่นตีกัน เกิดนักศึกษาตีกัน ระเบิดอารมณ์ใส่กันกลางถนน ลักเล็กขโมยน้อย จี้ปล้น อาชญากรรมทุกวัน ที่เห็นอยู่นี้เป็นอาการเรื้อรัง ซึ่งเป็นมาโดยตลอด ลองคิดตามดูว่า เราทุกคนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของต้นตอปัญหาเหล่านี้หรือไม่ และถ้าเรารู้จักพอเพียง เงินรายได้ที่ไม่พอใช้อาจจะไม่เป็นปัญหาสำคัญ เราเคยใช้คำพูดในโซเชียลที่สร้างความขัดแย้ง เกลียดชังกันบ้างหรือไม่ เราเคยดื่มสุราจนขาดสติ อาละวาด โมโห ทำร้ายร่างกายใคร หรือคนในครอบครัวหรือไม่ สื่อสิ่งพิมพ์ของใคร ที่เคยเสนอสิ่งที่สร้างความขัดแย้ง ความไม่สงบ ไร้จรรยาบรรณ ออกสู่สายตาประชาชนมีบ้างหรือไม่ ประเด็นสำคัญคือ เราเคยทำผิดกฎหมาย เคยละเมิดสิทธิผู้อื่น เคยละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายหรือไม่ เคยเพิกเฉยต่อศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมบ้างหรือไม่ สิ่งต่าง ๆ ที่ผมกล่าวมาเหล่านี้นั้น ล้วนเป็นปัญหาที่มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น ในการที่จะรักษาอาการเรื้อรังเหล่านี้ ก็อยากให้ทุกคนได้ใช้คำสอนของศาสดาในทุกศาสนาที่ท่านเลื่อมใสศรัทธาเป็นเครื่องมือในการสร้างความยับยั้งชั่งใจ ให้มีสติ ปล่อย ละวาง มีการให้อภัย ในเรื่องที่เป็นปัญหาเล็ก ๆ ก่อนที่จะบานปลายเป็นปัญหาใหญ่ มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนหยุดยั้งไม่ได้ กลายเป็นอนาธิปไตยทำนองนั้น มีอีกอย่างหนึ่งที่อยากให้ลองยึดถือและปฏิบัติ คือ อย่าคิดว่าเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยแล้วเราก็ทำ อย่าเห็นว่าเป็นความดีเพียงแต่เล็กน้อย ก็ไม่ทำ ให้ลองคิดถึงคนรอบข้าง ลองทำดีกับคนที่เราไม่รู้จัก วันละเล็กละน้อย ซึ่งไม่น่าจะยาก แรก ๆ อาจจะยากหน่อย ถ้าไม่เคยทำ แต่เราทุกคนทำได้ ผมคิดว่า เราจะช่วยยกระดับจิตใจของเราทุกคน และสร้างความเป็นปึกแผ่นของชุมชนของเราได้เป็นอย่างดี

ผมขอนำเรื่องของนายจำรัส แซ่อึ้ง หรือที่เรียกว่า ลุงดำ แห่งจังหวัดนครศรีธรรมราช มาเป็นตัวอย่างให้พวกเราได้ฟังกัน ลุงดำเป็นชาวสวนยางพาราที่ได้ปลูกต้นกล้วย 2 ฟากถนน สายนาบอน - แก้วแสน อ. นาบอน เป็นระยะทางถึงกว่า 6 กิโลเมตร ลุงดำก็ตั้งใจว่า ต้องการจะช่วยชีวิตผู้คนในกรณีที่รถเสียหลักตกข้างทาง เพราะต้นกล้วยที่ปลูกไว้ ช่วยลดแรงปะทะของรถยนต์ลงได้มาก อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ลุงยังคอยดูแลตกแต่งต้นกล้วยเป็นประจำ เพื่อไม่ให้บดบังทัศนียภาพของถนน การกระทำเช่นนี้ของลุงดำนั้น ก็ได้ช่วยชีวิตผู้ใช้รถใช้ถนนมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง นอกจากนั้น ลุงดำยังได้นำกล้วยมาทำเป็นกล้วยฉาบ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน ที่จะเดินทางไปถวายสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อทดแทนบุญคุณของแผ่นดินและพระองค์ท่านอีกด้วย ผมขอชื่นชมลุงดำและขอยกให้เป็นตัวอย่างที่น่ายกย่องของผู้ที่ให้ความรักและความปรารถนาดีกับคนรอบข้าง หากพวกเราคิดได้ ทำได้อย่างลุงดำไม่มากก็น้อย ก็ช่วยทำให้ชุมชนและประเทศชาติเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น พี่น้องประชาชนครับ ในชีวิตจริงในหลาย ๆ เรื่องก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด แม้กระทั่งในเรื่องของการครองตนครองเรือน ยิ่งในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินนั้นก็มีทั้งการออกกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายนั้นด้วยหลายอย่างเราทำตามใจตัวเองทั้งหมดไม่ได้ แม้กระทั่งผมเองเราคงจะต้องอิงกฎกติกาสากลไว้ด้วยดูว่า โลกนั้นเขาคิดกันอย่างไร วันนี้เขาเดินหน้าไปถึงไหน ถ้าเราจะคิดขวางโลกเป็นจระเข้ขวางคลองในทุกเรื่องก็คงไม่มีใครคบด้วย หรือเราจะก้มหน้าใส่เสื้อโหลที่เขาตัดมาให้เบอร์เดียวใส่กันทั่วโลกก็เป็นไปไม่ได้อีก เนื่องจากแต่ละประเทศมีประวัติศาสตร์ มีโครงสร้างทางสังคม อัตลักษณ์ วัฒนธรรมความเป็นมาเป็นไป เป็นของตนเองทั้งสิ้น

สำหรับประเทศไทยก็ไม่ได้อยู่นอกกฎเกณฑ์เหล่านี้ ทุกคนก็คงจะเห็นด้วยว่า เราจะต้องรู้จักประยุกต์หลักการสากลมาปฏิบัติใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทยก็เหมือนกับไปตัดเสื้อ การตัดเสื้อตามร้านซึ่งก็วัดพอดีกับตัวเราเอง คงจะทำให้เราสวมใส่อย่างสบาย ดูดีมีสง่า ไม่หลวม ไม่คับ ไม่รัด อึดอัดน่าเกลียด ก็เช่นกันประเทศต้องเดินหน้าไปแบบนั้น อีกอย่างหนึ่งที่ผมยึดถือมาโดยตลอด คือ เราทำอะไรก็ตาม เราควรจะคิดถึงเรื่องการป้องกันไว้ดีกว่าแก้ การออกกฎหมายก็เช่นกัน วันนี้เราออกกฎหมายมามากมาย ฉะนั้นเราต้องไปดูกฎหมายที่ในเชิงป้องกัน ป้องปราม มีเพียงพอหรือยัง หรือจะทำควบคู่ไปกับมาตรการลงโทษที่เหมาะสมได้อย่างไร อาทิ กฎหมายจราจรก็มุ่งหวังในเรื่องของการป้องกันความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและของผู้อื่น ทั้งนี้ เรามองเห็นว่าประชาชนทุกคนทุกชีวิตเป็นทรัพยากรที่มีค่า มีความสำคัญต่อประเทศ เพราะฉะนั้นการสูญเสียคนก็คือ การสูญเสียโอกาสและพลังขับเคลื่อนของประเทศ แต่การที่เราใช้บทลงโทษที่รุนแรงมีกฎหมายมากมายก็คงไม่ใช่เครื่องรับประกันว่าเราจะห้ามสิ่งเหล่านั้นไม่ให้เกิดขึ้นได้ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตรงไปตรงมา ไม่ละเว้น เป็นธรรมเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมนั้น ผมเห็นว่า เป็นความสำคัญที่จะช่วยระงับเหตุได้ตั้งแต่ต้นตอ ข้าราชการทุกคนต้องพึงปฏิบัติ ประชาชนก็ต้องร่วมมือ ศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้สอนให้เรารู้ว่าการบังคับใช้กฎหมายนั้น เราต้องใช้ทั้งหลักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ควบคู่กันไปด้วย ข้อคิดในเรื่องนี้ก็คือว่าเราอาจจำเป็นต้องพิจารณานำมาปรับใช้ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ประกอบการทั้งที่สุจริตและไม่สุจริตด้วย เราจะต้องคิดหาจุดสมดุลเหล่านี้ให้ได้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม หากว่าวันนี้มีสิ่งใดที่ทำให้เกิดอาการติดขัด ขัดแย้ง ไม่น่าเชื่อถือ หรือถูกกล่าวหาว่าสองมาตรฐาน สิ่งเหล่านี้เราก็ทำงานต่อไปไม่ได้ เดินหน้าไม่ได้ เราต้องช่วยกันแก้ไขให้ได้ วันนี้ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนนั้นคงพอจะเข้าใจมากขึ้นบ้างแล้ว มากบ้างน้อยบ้าง การบังคับใช้กฎหมายนั้นอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ก็เหมือนกับเชือกเส้นหนึ่งที่ตึงเกินไปก็ขาด หย่อนไปก็ไม่ได้ ยิ่งเรื่องที่เป็นประเด็นระดับโลก เช่น การทุจริตคอรัปชัน ไม่ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ก็ตาม ยาเสพติดที่กำลังแพร่หลายอยู่ในวันนี้ อาชญากรรมข้ามชาติ จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น การก่อเหตุรุนแรง การก่อการร้าย การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือโรคระบาด ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องพึงนึกถึง แล้วก็ร่วมกันรับผิดชอบร่วมกันด้วย แม้ว่าบางอย่างนั้นเป็นกิจการภายในของประเทศเราเอง แต่เราก็ไม่อาจจะเลี่ยง ไม่อาจจะคำนึงถึงกรอบใหญ่ของโลกได้ ทุกเวทีประชาคม โลกเขาติดตามกันอยู่ทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อให้เราไม่หลุดกรอบเหล่านั้น เพราะว่ามีองค์กรระหว่างประเทศต่างประเทศ หลายองค์กร จับตาเราดูอยู่ ถ้าผิดพลาดมาเราก็อาจจะถูกมาตรการลงโทษกีดกันทางการค้าหรือกดดันในเรื่องอื่น ๆ ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ซื้อสินค้า ไม่คบค้าสมาคมอีกด้วย เหล่านี้เป็นต้น

เพราะฉะนั้น วันนี้เราก็อยู่ในสถานการณ์ที่ยังดีอยู่ ขอให้ทุกคนได้ตั้งใจและร่วมมือกันต่อไป โจทย์ของเราของรัฐบาลนี้และทุก ๆ รัฐบาล คือ เราจะสร้างความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กับประเทศไทยได้อย่างไร เราจะต้องมีจุดยืนของเราเองโดยยึดมั่นผลประโยชน์ของชาติ และมีความเป็นเอกลักษณ์ของชาติเป็นที่ตั้ง ภายใต้กรอบใหญ่ที่เป็นสากล เราก็คงไม่อาจพูดได้ว่าประเทศของเราหรือคนไทยนั้น เราจะทำอะไรก็ไม่เห็นต้องคำนึงถึงผู้อื่น เพราะประเทศไทยนั้นมีหลาย ๆ อย่างที่เพียบพร้อมอยู่แล้วอยู่คนเดียวได้หรือจะยึดมั่นมาตรการโดดเดี่ยวในโลกใบนี้ได้ วันนี้โลกเป็นยุคโลกาภิวัตน์แล้ว โลกโตเร็วเปลี่ยนแปลงไว เรายิ่งต้องติดตามข่าวสารและก็มีการประเมินความเสี่ยงมีแผนเผชิญเหตุทุกเรื่องอย่างรู้เท่าทัน และสร้างความสมดุลให้ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้เพื่อจะให้สอดคล้องกับการกำหนดนโยบาย บทบาทหรือการวางจุดยืนของประเทศที่ชัดเจนและเหมาะสมอีกด้วย วันนี้ทุกคนคงรับรู้แล้วว่า สื่อโซเชียลนั้น มีอิทธิพลสูงและแพร่กระจายออกไปได้อย่างกว้างขวาง ทั้งในสังคมไทยและโลกอย่างรวดเร็ว ทุกคนสามารถเป็นผู้สื่อข่าวหรือสร้างข่าวได้เอง ผู้คนสามารถเสพข้อมูลรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้รวดเร็วเป็นวินาที หรือเสี้ยวนาที สิ่งที่เป็นอันตรายมากที่สุด คือ การสร้างการรับรู้ที่ผิด ๆ บิดเบือนไปโดยไม่ใช่ข้อเท็จจริง ซึ่งเราไม่อาจจะแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เพราะจะยากขึ้นเรื่อย ๆ ใครพูดก่อน ใครเขียนก่อน ได้ก่อนทำนองนั้น บางอย่างนั้นผิด แล้วก็สร้างที่ผิด ๆ ไปแล้วคนก็เชื่อไปแล้ว อันนี้มีปัญหา เมื่อออกไปสู่สังคมโลกแล้วนั้น ก็เสียไปทั้งตัวเอง ทั้งประเทศชาติและผลประโยชน์ส่วนรวมก็หายไป ผมขอความร่วมมือให้ทุกคนทุกภาคส่วนได้พึงระลึก และแจ้งเตือนกันช่วยกันทำความเข้าใจหาข้อมูลให้ดี รัฐบาลพร้อมจะตอบคำถาม ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นใด ๆ ที่เป็นความขัดแย้ง ทั้งนี้ เพื่อหวังผลแต่เพียงว่า ให้สถานการณ์สงบไม่วุ่นวายเราจะได้ใช้เวลาในการแก้ปัญหาความขัดแย้งหรือแก้ไขปัญหาภายใน ไม่ว่าจะเรื่องเศรษฐกิจ สังคม หรืออื่น ๆ ให้ได้รับการแก้ไขด้วยคนไทยของเรากันเอง เราก็ไม่อยากจะให้ใครมาช่วยเราหรือทำแทนเราได้ ที่เขาเรียกว่ายืมจมูกคนอื่นมาหายใจนั้น เป็นหลักการที่เราต้องแก้ไขทำความเข้าใจกันเองให้ได้ มีความเป็นตัวของตัวเอง ทั้งโดยนิตินัยและพฤตินัย ที่สำคัญเราจะไม่ยอมให้ใครมามีอำนาจเหนืออธิปไตยของชาติไทยเราได้อีกด้วย เราต้องมีหลักคิดนะครับ ผมขอย้ำคำว่าหลักคิด

พี่น้องประชาชนครับ หลายคนที่สนใจติดตามข่าวสารทางราชการอย่างใกล้ชิด ก็อาจจะมองเห็นว่าหรือบอกได้ว่า ประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลนี้เป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ท่านจะคิดท่านจะติดตาม บางอย่างนั้นเราก็ทำได้ บางอย่างทำทันทีก็เสร็จเร็ว บางอย่างทำได้แบบต้องค่อย ๆ ทำ เพราะความขัดแย้งสูง หลายอย่างเสร็จแล้ว หลายอย่างเริ่มไว้ก่อน หลายอย่างก็ต้องเตรียมส่งต่อ หลายอย่างก็เก็บมาจากรัฐบาลก่อน คือ ต้องมาทำทั้งหมด เพียงแต่ว่าเราต้องมาจัดระเบียบให้ดี ในกรอบของการบริหารราชการแผ่นดิน การใช้จ่ายงบประมาณ หรือการจัดทำแผนงานโครงการต่าง ๆ นั้น วันนี้ต้องมีการบูรณาการร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนและโปร่งใส เน้นเหล่านี้ รัฐบาลก็มุ่งเน้นจะกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจ กระจายความเจริญไปยังภูมิภาค กลุ่มจังหวัด จังหวัดแล้วก็ชุมชนหมู่บ้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นจะต้องมีบทบาทในฐานะพ่อเมือง วันนี้เป็นข้าราชการทั้งสิ้น และทำงานต่างพระเนตรพระกรรณตามหน้าที่ตามภารกิจที่ได้ทรงมอบหมายไว้ให้ ก็จะต้องมีหน้าที่ในการกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าหน้าที่จากทุกกระทรวงก็ขอความร่วมมือจากทุกกระทรวงด้วยนะครับว่า ต้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ขับเคลื่อนในจังหวัดในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความต้องการในพื้นที่ที่เรียกว่า area based ทั้งในระดับความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ต้องจบตั้งแต่ข้างล่างมาก่อน แล้วเสนอขึ้นมาข้างบนก็จะพิจารณาและอนุมัติลงไปแล้วก็เติมลงไปให้ในสิ่งที่มันเป็นโครงสร้างหรือเป็นเครือข่าย เพราะฉะนั้นในเรื่องของการกระจายความเจริญนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดก็จะต้องจัดทำแผนงานโครงการพัฒนาต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ผมกล่าวไปแล้วคือ เป็นกลุ่มจังหวัด เป็นภูมิภาคตามนโยบายอย่างไร้รอยต่อ อาทิ ในเรื่องของเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 10 แห่งทั่วประเทศ จะเชื่อมโยงอย่างไรกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นศูนย์รวมศูนย์กระจายสินค้ากันบ้างหรือไม่ หรือการลงทุนประเภท อื่น ๆ ให้ตรงกับศักยภาพหรือทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ ทั้งคนไทยทั้งคนต่างประเทศที่จะมาลงทุนร่วมกัน ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งเรากำหนดไว้เป็นโครงการระดับชาติ ที่เรียกว่า ECC และอีกเรื่องหนึ่งคือ ภาคใต้ ทำอย่างไรจะสงบสันติ มีการพัฒนา เรามีโครงการสามเหลี่ยมมั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน และเรื่องของ Smart City อีกด้วย

ในทุกกิจกรรม ทุกกลุ่มงาน ทุกกระทรวง ต้องคิดตาม ทำงานด้วยการทำงานเชิงรุกด้วยวิสัยทัศน์ ด้วยการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ เพื่อจะให้ทุกภาคนั้นได้มีการเจริญเติบโตด้วยตนเองในทุกมิติ ลดการผลิต ลดการตลาด ที่มีการแข่งขันหรือมีการผลิตที่ซ้ำซ้อน แล้วเราก็ไม่ผลิตหรือสร้างอะไรที่เกินความจำเป็น คือเรียกว่า กำหนด Demand Supply ให้ต้องกันให้สอดรับกันอย่างแท้จริงในทุกมิติ หลายท่านก็อาจจะฝากความหวังไว้กับการทำงานของ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ปยป.) ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องใหม่ จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องเดิม แต่ผมก็ดีใจที่ทุกคนให้ความสนใจ แล้วทำให้มีกำลังใจในการทำงานของรัฐบาลขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า คำว่า ปยป. หรือคณะกรรมการ 3 - 4 คณะ เป็นยาวิเศษที่รักษาทุกโรคได้ทันทีทันใจ เพราะ ปยป. นั้นถือว่าเป็นการปรับปรุงพัฒนารูปแบบการทำงานของรัฐบาล และ คสช. ผมคิดหาเครื่องมือในการทำงานใหม่ ๆ เพื่อจะลดจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง เพิ่มศักยภาพในการบริหารราชการแผ่นดินให้ทันต่อเวลาและสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจำเป็นต้องมีฐานข้อมูล เพื่อจะบ่งชี้ปัญหาแสวงหาวิธีการแก้ไขทั้งในเชิงลึกและยั่งยืน เพราะว่ากลไกในการแก้ปัญหาของประเทศนั้นก็อยู่ที่รัฐจะต้องกำกับดูแลขับเคลื่อนส่วนราชการต่าง ๆ โดย ครม. ส่งตรงไปยังส่วนราชการถึงประชาชน ผมดูแล้วปัจจุบันนั้น ในสถานการณ์ที่เราต้องมีการปฏิรูปนั้นยังไม่เพียงพอ ไม่เร็วพอ ผมก็เลยคิดเริ่มแก้ไขด้วยการให้มี กขป. 6 คณะ ในช่วงที่ผ่านมา แล้วให้คำนึงถึงการบูรณาการการปฏิรูปอย่างยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้การทำงานด้านปฏิรูป มีการส่งต่อกันได้อย่างต่อเนื่องและ มีผลเป็นรูปธรรมเร็วขึ้นจากห้วงที่ผ่านมาที่ขับเคลื่อนด้วย กขป. วันนี้เราจะต้องสร้างเครื่องมือมาอีกชุดหนึ่งที่เรียกว่า ปยป. และคณะหนึ่งก็มีความเชื่อมโยงกับอีกคณะหนึ่ง เพราะทั้งหมดคือ เราตั้งโจทย์มา เรามีวิธีการ เรากำหนดระยะเวลาที่ต้องทำในแต่ละเรื่อง จัดลำดับความเร่งด่วนทั้งหมดก็จะส่งต่อกลับเข้ามาที่ของเดิม ที่ ครม. คสช. กขป. ก็นำมาผลิต นำมาขับเคลื่อน นำมาปฏิบัติ เพราะว่าทุกวันนี้รัฐบาลก็ไม่ได้หยุดการทำงานในการบริหารราชการแผ่นดินและในกล่องเดิม คือ กขป. ขับเคลื่อน วันนี้ก็มีกล่องอีกกล่องหนึ่งขึ้นมาข้าง ๆ และอันไหนที่เร่งด่วนก็ไปเข้าคณะหนึ่งอันไหนเป็นเรื่องปรองดอง ปรองดองในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม พิพาทความขัดแย้งอะไรต่าง ๆ ก็แล้วแต่ ก็ไปแก้กันในกล่องนั้น แต่ทั้งหมดผลผลิตออกมามาที่ ปยป. ปยป. ก็คือ รัฐบาลและก็ลงมาทางซ้ายเหมือนเดิมให้ไปทำงานให้ครบ เพราะที่ผ่านหลายคนก็ไม่เข้าใจว่าทำอะไรไปบ้างแล้ว มีแต่ สปท. ออกมาพูด สนช. ออกมาพูดอะไรก็แล้ว แต่ก็กลายเป็นเหมือนรัฐบาลไม่ทำงานจริง ๆ แล้วทำแล้ว วันนี้ก็ไปรวบรวมมาเพิ่มเติมอันนี้ทำเสร็จแล้วนะ อันนี้ก็ไปเอามาเพิ่ม ความคิดเห็นตรงกันหรือยัง บางอย่างตรงกันแต่บางทีก็รู้กันไม่ทั่วกัน เพราะว่าฝ่ายคิดก็คิด คิดถึงหลักการและเหตุผล แต่ไม่ได้คิดถึงว่าจะทำอย่างไรวิธีการ แต่รัฐบาลจะต้องนำสิ่งเหล่านี้มาขับเคลื่อน เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องไปคิดวิธีการมา วันนี้ก็จะเอาวิธีการเหล่านี้ให้เขารู้ด้วย ไม่อย่างนั้นคนคิดก็คือคิด คนทำก็คือคนทำ ก็ไปด้วยกันไม่ได้ทั้งหมด และขณะเดียวกันความขัดแย้งก็มี มีทั้งผู้หวังดี หวังไม่ดีต่าง ๆ เหล่านั้นก็ทำให้หลาย ๆ อย่างหยุดชะงักไป ก็ขอเพียงความเข้าใจ ขอให้ทุกคนที่คิดว่ามันน่าจะดีกับประเทศชาติ ก็ขอความร่วมมือใครที่คิดว่า ไม่ตรงตัวเอง ก็กรุณาเสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ไม่ใช่ไปติติงโดยที่ไม่มีหลักการและเหตุผล ไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ แล้วทำให้สังคมและเข้าใจและสับสนอลหม่านวุ่นวายไปเหมือนเดิม ๆ ที่ผ่านมาขอร้อง

เรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาลนี้ สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่เราไปดูแล้วว่า การส่งออกเรามีปัญหา ส่งออกได้มากได้น้อย เราต้องไปดูว่าเรามีความพร้อม มีความเข้มแข็ง มีการเสริมสร้างในเรื่องนวัตกรรมหรือผลิตผลใหม่ ๆ ที่ออกไปแข่งขันการตลาดได้หรือยัง ความเข้มแข็งเพียงพอหรือไม่ มีขีดความสามารถในการแข่งขันกันหรือไม่เหล่านี้ทำให้การส่งออกเรามีปัญหา เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องคิดใหม่ว่า เราจะพึ่งพาการส่งออกแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องเป็นทั้งฐานการผลิต ทั้งเป็น Trading Center คือ ผลิตเองใช้เอง อีกส่วนหนึ่งก็ผลิตส่งออกด้วยนวัตกรรมและภายในของเราเองก็สร้างความห่วงโซ่ สร้างความเข้มแข็งในห้วงโซ่การผลิตในประเทศและไปเชื่อมโยงกับ ห่วงโซ่ต่างประเทศ ทั้งจากการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ นักลงทุนไทยใน SMEs ของเรา Start-up และ e -Commerce ทั้งหมดมีการพัฒนาทั้งระบบ ก็ต้องใช้เวลา วันนี้หลายอย่างก็ออกมาแล้วไม่ว่าจะเรื่องของ e-Commerce บางกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการใช้ e- Payment หรือ PromtPay ต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ออกมาตามลำดับ กติกาสากล พรบ. อำนวยความสะดวก การทำกิจกรรมต่าง ๆ ของการค้าการลงทุนก็ทำให้สะดวกมากขึ้นมีตั้งหลายสิบกิจกรรม แม้กระทั่งการแก้ปัญหาในเรื่องการประมงก็ออกกฎหมายมาตั้ง 90 ฉบับ ไม่อย่างนั้นทํางานอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น จะพันกันไปหมด เพราะฉะนั้นถ้าเราเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้ทั้งการแก้ปัญหา การเริ่มต้นใหม่ การทำให้เข้มแข็งยั่งยืน ก็จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มความเข้มแข็งของประเทศ ประชาชนก็ได้รับประโยชน์จากตรงนี้นะครับ แต่อย่างไรก็ตามเราจะพัฒนาสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปเราจะลืมเรื่องคนไม่ได้ เราต้องพัฒนาคนให้เป็นคนที่มีคุณภาพทั้งประเทศ คำว่าเป็นคนที่มีคุณภาพคืออะไร เป็นคนที่มีการศึกษา เป็นคนที่มีหลักคิดนะครับ และมีการคิดในสิ่งที่ดี ปฏิบัติในสิ่งที่ดี มีทัศนคติที่ดี มีจิตสำนึกที่ดีเหล่านี้ คือ การพัฒนาคน และคนก็มีหลายพวก หลายฝ่าย หลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็มีการพัฒนาของตนเอง รัฐบาลอยู่ตรงไหนก็ช่วยกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ไป แต่ตัวเองก็ต้องช่วยตัวเองด้วย ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ วันนี้ก็ตกลงกันว่าจะมาช่วยรัฐบาลในการพัฒนาคนด้วย ตามโรงงาน ตามพื้นที่ ตามภูมิภาครับผิดชอบโรงเรียนโน่นโรงเรียนนี้ มีอาชีวะเข้ามาส่งเสริมเป็นที่ฝึกงานของเด็กก็เกิดขึ้นในสมัยนี้ ที่ผ่านมาก็มีอยู่บ้าง แต่ก็ช้าเกินไป เพราะฉะนั้นถ้าเรามีการพัฒนาคนที่ดี พัฒนาระบบให้ดี จัดการบริหารจัดการให้ดีให้เหมาะสม สิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความท้าทายของโลกใบนี้หรือของประเทศไทย ถ้าเราเตรียมการเหล่านี้ไว้ทุกเรื่อง ทุกหน่วยงานและทำทุกอย่างให้ประสานสอดคล้องกันเป็นการทำงานเชิงรุก เพราะฉะนั้นทุกคนต้องเหน็ดเหนื่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยงานและผู้ใต้บังคับบัญชาของทุกหน่วยงานก็ต้องขับเคลื่อนไปกับผู้บังคับบัญชาด้วย ไม่ใช่มีไม่กี่คนที่ขับเคลื่อนอยู่ข้างล่างก็ทำงานไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ไปไม่ได้ เพราะประเทศชาติไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยคนไม่กี่คน ขับเคลื่อนด้วยคนทุกคนด้วยคนเกือบ 70 ล้านคน ต้องไปด้วยกันทั้งหมด

เพราะฉะนั้น ผมขอเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การที่เราจะเอาชนะต่ออุปสรรคต่าง ๆ ของประเทศที่เรียกว่ากับดักอะไรก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่ก็เกิดจากปัญหาในเชิงนโยบาย เชิงโครงสร้างเราต้องอาศัยความเข้าใจ ความร่วมมือ คือหลายอย่างนั้นจะต้องคลี่ออกมาให้หมด ปัญหาของประเทศไทยมีไม่กี่เรื่อง อันแรกคือคำว่าประชาธิปไตยเป็นอย่างไรกับอนาธิปไตยเป็น อย่างไรก็ต้องทำความเข้าใจว่าควรจะเป็นอย่างไร เรื่องที่สอง คือ การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างความเป็นธรรม เศรษฐกิจและสังคม เรื่องที่สาม คือ การศึกษาที่ต้องสร้างหลักคิด แล้วก็ทำให้คนนั้นรู้จักคิดในสิ่งที่ดีทำความดี มีจิตสำนึกที่ดีเหล่านี้สามเรื่อง ผมว่าครอบคลุมในทุกปัญหานั่นแหละ เพราะฉะนั้นก็อยากให้ทุกคนนั้นได้เข้าใจร่วมกันแล้วก็แก้ปัญหาร่วมกัน รัฐบาลจะแก้ปัญหาในเชิงนโยบายที่มีหลายประการด้วยกัน อาทิ ผังเมืองในการที่จะแก้ไขปัญหาน้ำหลาก น้ำท่วม ฝนแล้ง หรือว่าชุมชนเมืองที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่มันมีผลกระทบกับประชาชนที่มีรายได้น้อย ถ้าเราไม่คำนึงถึงธรรมชาติของประเทศไทยที่สูงที่ต่ำทางน้ำไหลเหล่านี้ ก็ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ทุกคนไปบิดเบือนทั้งหมดคือ ไปปลูกในพื้นที่ปลูกบ้านในพื้นที่ไม่ควรจะอยู่ หรือไปบุกรุกป่าทำลายป่าเหล่านี้ ทำให้ทุกอย่างเป็นปัญหาที่รวมมาแล้วทำให้เกิดความเสียหาย เพราะฉะนั้นเราต้องร่วมมือกัน ระหว่างรัฐประชาชนให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันก็ต้องลดความขัดแย้งไปด้วย และนับวันเรื่องการใช้พื้นที่ทำกินของประชาชนนับวันต้องมีมากขึ้น แต่ที่ดินเราก็น้อยลงทุกวัน ๆ เราจะทำอย่างไร สัดส่วนการใช้การถือครองที่ดินทำกินก็ลดลง บ้านเมืองก็แออัดมากขึ้น ไม่มีระเบียบกีดขวางการจราจร ทำถนนหนทางอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น แต่ทุกคนต้องการ จะแก้ด้วยอะไร ก็ต้องมาพูดคุยกันไม่อย่างนั้นอุปสรรคต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นมาแล้วก็บริหารจัดการอะไรไม่ได้เลย ภัยพิบัติต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นฝนตก ฝนแล้ง ดินถล่ม ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีปัญหาทั้งสิ้น ที่ไม่ค่อยถูก เพราะฉะนั้นเราต้องทำต้องร่วมกัน อย่าปล่อยปละละเลย เราใช้ประโยชน์จากธรรมชาติมากแล้ว วันนี้คงจะถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องช่วยกันปรับตัว คิดถึงการเสียสละประโยชน์ส่วนน้อยให้ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ แล้วก็ดูแลกันนะครับ หากทุกคนเอาแต่เรียกร้องก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่จะเพียงพอ ได้เท่านี้เอาเท่านั้น ได้เท่านั้นจะเอาต่อไป ทำนองนี้เรียกร้องให้พอเหมาะพอควร ไม่ว่าจะเรื่องของอะไรก็แล้วแต่ มีกติกาอยู่แล้วทั้งสิ้น แต่ทำอย่างไรจะพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันได้ อันนี้ต่างหาก ถ้าเรียกร้องอย่างเดียวแล้วก็ให้ไปเรื่อย ๆ แล้ววันหน้าก็ไม่มีจะให้ วันนั้นบ้านเมืองก็เสียหายปั่นป่วนกลายเป็นอนาธิปไตยไปอีกไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องการบริหารจัดการตนเองในแต่ละชุมชนนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

วันนี้เรากำลังจะสร้างกระบวนการเรียนรู้อยู่ เช่น การบริหารจัดการน้ำในชุมชน การบริหารจัดการเรื่องป่าเศรษฐกิจ ป่าชุมชน คือ ทุกคนมีส่วนร่วมก่อนในช่วงนี้ การที่จะให้การพัฒนาในท้องถิ่นก็ต้องมีแบบมีแผนในการที่จะพัฒนาเพื่อการใช้งบประมาณที่มันจะไม่ซ้ำซ้อนกัน พยายามจะทำอย่างนั้นอยู่ ไม่ว่าจะงบประมาณจากส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น จริง ๆ แล้วต้องส่อประสานอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด ทุกตารางนิ้วของท่าน ไม่ใช่ซ้ำกันไปในที่เดียวกันตลอดเวลา กิจกรรมเดียวกันตรงนี้ได้ ตรงนั้นไม่ได้ ซึ่งคือปัญหาของบ้านเรา วันนี้ทุกอย่างทุกปัญหามีความเชื่อมโยงทั้งสิ้น ปัญหาที่ดิน ที่ทำกิน พื้นที่ป่าสภาพน้ำอากาศเหล่านี้เชื่อมโยงกันทั้งสิ้น ถ้าเราแก้ปัญหาอันหนึ่งไม่ดี ประชาชนไม่ร่วมมือ ประชาชนไม่เข้าใจ ก็ไปเจออีกปัญหาหนึ่ง ประชาชนเดือดร้อนหรือประชาชนไม่มีอาชีพรายได้ที่เพียงพอ เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เหล่านั้น ต้องแก้ปัญหาแบบองค์รวม คำว่า องค์รวม คือ รัฐ ประชาชน เอกชน ธุรกิจ NGO เหล่านี้ต้องมาช่วยกันแก้ปัญหาองค์รวม ในการที่จะทำให้กิจกรรมที่ควรจะต้องเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ที่เป็นความจำเป็นหรือทุกปัญหาในแต่ละพื้นที่ทุกพื้นที่นั้น ได้รับการแก้ไข ต้องช่วยกันแก้ไปพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่พอรัฐบาลตั้งอะไรออกมา บางโครงการมีประโยชน์ต่อตรงนี้ ต่อตรงนั้น ต่อส่วนรวม ค้านทุกอันเป็นที่ ๆ ไป แล้วจะเกิดอะไรขึ้นไม่ได้สักอันไหม อะไรที่จะเกิดกับชุมชนก็ไม่เกิด อะไรที่เกิดจะเกิดจากชุมชนอื่นก็ไม่เกิด อะไรที่จะไปเกิดกับประเทศ ก็ไม่เกิด สรุปว่าไม่เกิดอะไรทั้งสิ้น วันนี้ก็ส่งผลกระทบกับอันอื่นพัฒนาไม่ทันบ้าง พลังงานไม่พอบ้าง เหล่านี้เป็นการแก้ปัญหาทีละเสี้ยว ๆ หรือการที่จะร่วมมือคัดค้าน ก็เป็นเสี้ยว ๆ ไป ทุกอย่างก็แตกสลายไปหมดแล้ว จับต้องไม่ได้ อะไรไม่ได้สักอย่างเหมือนก่อสร้างปราสาททรายอย่างไรก็พัง เพราะฉะนั้นอย่าทำแบบนั้น ต้องช่วยกัน รัฐบาลก็พยายามจะกำหนดนโยบายที่มีความเป็นไปได้ มีผู้ได้รับประโยชน์มากกว่าผู้เสียประโยชน์ แล้วเราก็ต้องดูแลผู้เสียประโยชน์อย่างเป็นธรรมให้โอกาสเขาก่อนเสมอ ในการที่จะมีอาชีพรายได้ในพื้นที่ที่เขาเสียสละไป เหล่านี้เป็นนโยบายที่มอบให้แก่รัฐบาลที่รัฐบาลมอบให้กับทุกหน่วยงานไปแล้ว เราจะต้องแก้ไขปัญหาไปด้วยกันไม่ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ในเรื่องของการพัฒนา ในเรื่องของการรับประโยชน์ทางเศรษฐกิจการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ รวมไปถึงการป้องกันแก้ไขบรรเทาภัยพิบัติ ที่ปัจจุบันผมเห็นว่า เกิดจากน้ำมือมนุษย์มากที่สุดเลย ทำอย่างไรที่จะแก้ไขภัยที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อเตรียมการรองรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเกิดจากธรรมชาติ

อีกอันปัญหาโลกร้อน สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลสูงขึ้น น้ำเค็มเข้ามาถึงพื้นที่ภายใน น้ำที่เราได้มาจากฝนจากป่าไม่เพียงพอที่จะผลักดัน น้ำทะเลออกไป อีกหน่อยก็เค็มทั้งประเทศ แล้วจะปลูกพืชกันอย่างไร หลายคนไม่ค่อยเชื่อกัน ก็เอาน้ำเค็มเข้ามา หรือไม่ก็ไปเลี้ยงปลาทะเลต่าง ๆ หรือสัตว์น้ำทางทะเลข้างในลึก ๆ เข้ามามาก ๆ แล้วก็เอาน้ำทะเลเข้ามา แล้ววันหน้าก็เค็มไปทั้งหมด แล้วจะทำการเกษตรได้อย่างไร ช่วยกันคิด ต้องไปดูเรื่องของการกำหนดพื้นที่ในการเพาะปลูก ในการทำปศุสัตว์ อะไรก็แล้วแต่ กรุณาฟังกันบ้าง ก็ไม่ขัดแย้งกัน กฎหมายก็ไม่ถูกละเมิด เรื่องดินน้ำป่าอันนั้นมีศาสตร์พระราชาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระราชทานไว้ให้กับพวกเรามากมาย เรื่องน้ำทรงแนะนำให้รัฐบาลได้น้อมนำมาดำเนินการอย่างเหมาะสม ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมทำทั้งเก็บน้ำ พร่องน้ำ ระบายน้ำ เหล่านี้จะต้องทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 2 ปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้ทำแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบปรับแก้มาตลอดเวลา ปรับปรุงโครงการโน่นมาใส่ตรงนี้ ปรับปรุงงบประมาณปีนี้ ไปใส่ปีโน้น เอาปีโน้นกลับมาทำก่อน เหล่านี้เป็นเรื่องของการบริหารจัดการทั้งสิ้นที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ในการบริหารทั้งระบบแบบบูรณาการ ซึ่งองค์การสหประชาชาติชื่นชมว่า เราสามารถเชื่อมโยงสภาพข้อมูลน้ำและสภาพอากาศจาก 34 หน่วยงานได้สำเร็จ และขอให้ประเทศไทยได้มีการขยายผลไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนอีกด้วย นี่คือสิ่งที่ดี ๆ ที่เป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของคนไทยทุกคน อย่าทำร้ายกันนักเลย ความสำเร็จความสมบูรณ์นั้นคงต้องอาศัยระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง สร้างความรู้ สร้างความเข้าใจ สร้างหลักคิดและเรียนรู้เรื่องการปฏิบัติมีแผนงานและเราก็ต้องสามารถปรับเปลี่ยนแผนได้เสมอตามลำดับ ความสำคัญ ความเร่งด่วน หรือลำดับความสำคัญของปัญหาด้วย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ ด้านสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรองค์กรมหาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเบื้องหลังความสำเร็จดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลที่มีระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง ที่มีการรวบรวมข้อมูลอย่างแม่นยำทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งได้มีการทำถวายในหลวงรัชกาล 9 ในการทรงงานเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำบนเว็บไซต์ส่วนพระองค์ weater901ที่ผมยกขึ้นมากล่าวนี้ ก็เพื่อให้พี่น้องชาวไทย เกษตรกร ชาวประมงทุกภาคส่วนให้มีความมั่นใจในรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องของการติดตาม เฝ้าระวัง วิเคราะห์คาดการณ์สถานการณ์น้ำเส้นทางพายุระดับน้ำทะเล และภัยธรรมชาติต่าง ๆ ให้เชื่อมั่นการแจ้งเตือนรับฟังด้วย แจ้งไปแล้วไม่ฟังก็ไม่ได้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นในช่วงใดก็ตามที่ที่ดินฟ้าอากาศดูแปลก ๆ ก็กรุณาเปิดดูให้บ้าง ฟังซะบ้าง จะได้นำไปสู่การแก้ปัญหาของท่านเองด้วย ไม่เกิดอันตรายตนเองและคนอื่น ช่วยกันปฏิบัติตามคำแนะนำของราชการด้วย แล้วพอมีปัญหาอีกก็บอกว่า รัฐบาลไม่ได้แจ้ง หน่วยงานไม่ได้แจ้ง เขาแจ้งมาโดยตลอด แต่ไม่ฟังหรือฟังแล้วก็อาจเลี่ยงเอาเอง อันตราย ปัจจุบันเทคโนโลยีของโลกมีความก้าวหน้าไปมากมาย ก็ได้สั่งการเพิ่มเติมให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลจากการพยากรณ์น้ำอากาศดังกล่าว หลาย ๆ อย่างมีบันทึกไว้ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาตรงโน่นตรงนี้ เคยท่วมไม่เคยท่วมตรงไหนอย่างไร ตรงไหนเป็นทางน้ำ ตรงไหนเป็นสิ่งที่จะต้องเก็บกักน้ำ มีหมดอยู่แล้ว เราจะต้องเอาสิ่งเหล่านี้มาใช้ เพราะว่าวันนี้จะต้องเดินหน้าประเทศด้วยการแก้ไขปัญหาเทคโนโลยี ด้วยข้อมูลที่ทันสมัย และหลายอย่างมาจากดาวเทียมไม่อย่างนั้น จะมีดาวเทียมไปทำไม ไว้โทรศัพท์อย่างเดียวหรือ เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ด้วย แล้ววันนี้ก็ได้มีการจัดทำเป็น application บนมือถือด้วย ให้ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการหรือผู้ที่สนใจทุก ๆ กิจกรรม แม้กระทั่งไปท่องเที่ยวยังต้องรู้เลยให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ จะมีเว็บไซต์ เพราะฉะนั้นรวมความไปถึงเชื่อมโยงกับ Agri map ประชาชนเกษตรกรช่วยกันในการเลือกปลูกพืชในพื้นที่และเวลาที่เหมาะสมกับสภาพน้ำและอากาศด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุน Smart Farmer และเป็นอีกก้าวหนึ่งของการปฏิรูปเกษตรกรรมของประเทศด้วย ที่ต้องเดินไปด้วยเทคโนโลยี

สำหรับประเด็นสุดท้ายสั้น ๆ ก็มีความสำคัญมาก คือ การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ ผมมีความห่วงใยทุกคนเสมอ ก็หลายแสนครอบครัวมีความเดือดร้อน มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจำนวนมากพอสมควร บ้านช่องพังทลายเดือดร้อนเป็นล้านคน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลห่วงใยและได้วางแผนได้สั่งการให้มีการดำเนินการตามขั้นตอนตามลำดับตามแผน ปภ. ป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติก็บางอย่างเร่งด่วน บางอย่างก็ต้องค่อยทำ บางอย่างก็ต้องเร่งให้ทันปี 60 บางอย่างก็อาจจะต้องเลยหลังปี 60 ไป เพราะทำพร้อมกันไม่ได้ เพราะจะเดือดร้อนกันไปทั้งหมด งบประมาณมีจํากัดด้วย เพียงแต่ขอความร่วมมือว่า อันไหนที่ต้องทำได้ใน ปี 60 ขอเถอะครับ ถ้าไม่ทำอะไรเลย 60 ก็ท่วมแบบเดิม ก็ต้องเสียเงินจำนวนมากไปแบบนี้ ไม่ได้อะไรกลับขึ้นมาเลย เพราะฉะนั้นอะไรที่ไปขวางทางน้ำ อะไรที่ขยับได้ก็ต้องขยับตามผังเมือง ต้องมีคนเดือดร้อน แต่จะเดือดร้อนมากน้อยเพียงใด รัฐบาลต้องดูแล วันนี้ก็พยายามเร่งรัดเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เพื่อจะช่วยเหลือที่เรียกว่าเป็นเงินให้เปล่าก็ส่วนหนึ่ง ในเรื่องของการสนับสนุนด้านเงินกู้ การชะลอหนี้ชะลอ ชะลอดอกเบี้ยและมีมาตรการในเรื่องของการสร้างสิ่งก่อสร้างที่สามารถชะลอน้ำไว้ได้ การซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างและความเสียหาย การดูแลเกษตรกรอุตสาหกรรมที่เดือดร้อนนะครับ ทั้งประมง ปศุสัตว์หมด ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ เหลืออยู่เล็กน้อย กำลังฟื้นตัว เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้ส่วนตัวให้เร็วขึ้น ระหว่างที่ฟื้นตัวต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นอีกระยะหนึ่ง ทำอย่างไรเขาจะอยู่ได้อย่างไร อันนี้ทางมหาดไทยและส่วนราชการต่าง ๆ ที่อยู่ในศูนย์ 11 และศูนย์ 12 ก็ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการภายในกรอบของรัฐบาลด้วย รัฐบาลก็พยายามทำคู่ขนานไปในเรื่องของการสร้างความยั่งยืน โครงการใหม่ ๆ ต้องทำ ที่ผมกราบเรียนไปแล้วคือ ที่ขวางทางน้ำ จริง ๆ มากกว่านั้น 5 - 6 ร้อยแห่ง คราวนี้เราดึงออกมา 111 แห่ง ต้องทำให้เสร็จในปี 60 ไม่ว่าจะของกรมทางหลวง ทางหลวงชนบท มหาดไทย ท้องถิ่นหมดเลยคมนาคมต้องระดมมือกันทั้งหมดให้ทันก่อนฝนหน้า เพราะฉะนั้นขอฝากทำความเข้าใจ ฝากห่วงใยไปถึงพี่น้องประชาชนชาวใต้ทุกคนให้กำลังใจเพื่อจะดำรงชีวิตต่อไปช่วยกันพัฒนาประเทศ ขอบคุณ ขอให้ทุกคนมีความสุขในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และเป็นวันแห่งความรักก็ขอให้คนไทยรักกันมาก ๆ ด้วย ระมัดระวังตัวเองผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียวอะไรต่าง ๆ ก็ต้องระวัง เพราะว่าวันนี้อย่างที่บอกไปแล้ว บ้านเมืองมีคนไม่ดีอยู่มากมาย แต่ต้องช่วยขจัดคนไม่ดี แล้วไม่เปิดโอกาสให้คนไม่ดีได้มาทำอะไรที่เกิดความเสียหายกับประเทศชาติกับตนเองกับครอบครัว ขอให้ทุกคนรักกันมาก ๆ มากขึ้นไป ผมรักพวกท่านเสมอครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้