จำคุก 24 เดือน อดีตผอ.รร.อนุบาลหนองปรือ เอื้อประโยชน์ร้านค้าเบียดบังเงิน พวกโดนด้วย-ได้รอลงอาญา

Last updated: 13 พ.ย. 2565  |  2606 จำนวนผู้เข้าชม  | 

จำคุก 24 เดือน อดีตผอ.รร.อนุบาลหนองปรือ เอื้อประโยชน์ร้านค้าเบียดบังเงิน พวกโดนด้วย-ได้รอลงอาญา

เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'สมชาย เอื้อกิจประเสริฐ' อดีตผอ.โรงเรียนอนุบาลหนองปรือ กาญจนบุรี เอื้อประโยชน์เบียดบังเงินอนุญาตร้านค้าเข้ามาจำหน่ายสินค้าในโรงเรียน ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษาลงโทษจำคุก 24 เดือน พวก 1 รายโดน 16 เดือน ได้รอลงอาญา - ป.ป.ช.ขออุทธรณ์สู้ต่อ

เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายสมชาย เอื้อกิจประเสริฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี กับพวก 1 ราย คือ นางสิษฐี อินทรฉาย กรณีจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีตกลงราคากับร้านค้าที่มิได้มีลักษณะเป็นร้านค้า เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้รับจ้าง และเบียดบังเงินที่ได้จากการอนุญาตให้ร้านค้าเข้ามาจำหน่ายสินค้าในโรงเรียน 

ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมีมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 , 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม  2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาว่า นายสมชาย เอื้อกิจประเสริฐ จำเลยที่ 1 และ นางสิษฐี อินทรฉาย  จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 152 

การกระทำของจำเลยทั้งสอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป 

นายสมชาย เอื้อกิจประเสริฐ จำเลยที่ 1 กระทำผิดรวม 3 กระทง นางสิษฐี อินทรฉาย  จำเลยที่ 2 กระทำผิดรวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 18,000 บาท 

คำให้การและทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม 

คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน และปรับกระทงละ 12,000 บาท 

เมื่อรวมทุกกระทงความผิดแล้ว ให้จำคุก นายสมชาย เอื้อกิจประเสริฐ จำเลยที่ 1  มีกำหนด 24 เดือน และปรับ 36,000 บาท 

จำคุก นางสิษฐี อินทรฉาย  จำเลยที่ 2  มีกำหนด 16 เดือน และปรับ 24,000 บาท 

โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มักำหนด 2 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก  

อย่างไรก็ดี คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งสอง มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 มีมติเห็นควรให้อัยการสูงสุด (อสส.) อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ในส่วนที่ยกฟ้องจำเลยที่สอง 

สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้