นายกฯประกาศเจตนารมณ์วันคอร์รัปชันสากล

Last updated: 12 ธ.ค. 2560  |  3298 จำนวนผู้เข้าชม  | 

นายกฯประกาศเจตนารมณ์วันคอร์รัปชันสากล

นายกรัฐมนตรี นำประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน เผย ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเป็นศัตรูร้ายต่อการพัฒนาประเทศ ย้ำ รัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปประเทศ วางยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีพร้อมแนะทุกฝ่ายน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาดำเนินชีวิต

ที่หอประชุมมหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล (ศาลายา) จ.นครปฐม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศไทย) เนื่องในวันที่ 9 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล โดยในปีนี้รัฐบาลร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจเอกชน ภาคประชาสังคม โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. ผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร่วมงาน
 
โดยพล.อ.ประยุทธ์ นำประชาชนชาวไทย น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชโดยการยืนสงบและปฏิญาณต่อตนเองในการดำรงตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
 
ทั้งนี้ก่อนที่นายกฯจะเริ่มประกาศเจตนารมณ์ในการต่อต้านคอรัปชั่นได้สั่งให้ผู้ร่วมงานลุกขึ้นออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย เนื่องจากหลายคนเริ่มมีอารมณ์ง่วง เพราะมาร่วมงานกันตั้งแต่เช้า จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ประกาศเจตนารมณ์ในการต่อต้านคอรัปชั่น ตอนหนึ่งว่า ปัญหาการคอรัปชั่นถือเป็นภัยร้ายแรงของโลก ทุกคนจึงควรร่วมมือกันต่อต้านเพราะปัญหาคือสิ่งเหล่านี้มองไม่เห็นตัวจึงต้องใช้ปัจจัยหลายอย่างในการแก้ปัญหา สำหรับปัญหาการคอรัปชชั่นของไทยสั่งสมมานานรวมทั้งประเทศอื่น ๆ ด้วย ปัญหาการคอรัปชั่นถือเป็นศัตรูร้ายทำให้ระบบการบริหารราชการล้มเหลว มีการทับซ้อนจนเกิดการทุจริตคอรัปชั่นและการบริหารงบประมาณ ผลที่ตามมาทำให้รายได้ของรัฐสูญเสียส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจสังคม การเมือง การศึกษาซึ่งเมื่อเกิดการทุจริตก็จะทำให้การบริหารขาดความต่อเนื่อง ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องวางมาตรการและยุทธศาสตร์ชาติไว้ล่วงหน้า 20 ปีและประกาศการต่อต้านคอรัปชั่นอย่างจริงจัง
 
นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าอะไรคือผลเสียแต่ยังแก้ไม่ได้มากนัก ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามาจากที่รายได้ของทุกคนแตกต่างกันและหากทุกคนยึดแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชคือมีน้อยใช้น้อยอยู่อย่างพอเพียงก็จะไม่เกิดปัญหา ดังนั้นเราต้องสร้างหลัก 3 ประการคือทำอย่างไรให้ไม่ไปร่วมมือกันทุกจริต ทำอย่างไรให้ครอบครัวอยู่ได้ และทำอย่างไรที่จะพัฒนาตัวเองให้มีรายได้สูงขึ้น ที่ผ่านมาเรายังคงอยู่แบบเดิม มีการพัฒนาประเทศแบบเดิม ยังคงมีการช่วยเหลือกันในระบบพวกพ้อง ซึ่งไม่มีการจะแก้ปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลชุดนี้จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก่อน ๆ ไม่เคยเตรียมการไว้ มีการนำเงินงบประมาณไปใช้แบบสุรุ่ยสุร่ายซึ่งไม่ถูกต้อง ในส่วนของเจ้าหน้าที่เองก็คิดแต่ว่าถ้ามีช่องทางก็จะทุจริต ขอร้องว่าอย่าคิดแบบนั้น เราต้องช่วยกันคิดร่วมกันป้องกันอย่าให้เกิดการรั่วไหล อย่าเอาสิ่งเก่า ๆ มา เปรียบเทียบ
 
“วันนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าปฏิรูปและผมไม่ต้องการให้เกิดการคอรัปชั่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามและหากมีรายงานขึ้นมาผมจะดำเนินการสอบ ติดตาม เอาติดคุกให้ได้ และอย่ามาใช้ข้ออ้างต่าง ๆ นานา และไม่ใช่ว่าดีแต่พูด พอสอบเข้าจริงก็ไม่มีข้อมูลหรืออาจจะมีแล้วผมไม่รู้ก็อาจเป็นได้เข้ามาก็ต้องคิดนโยบาย คิดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ใครจะทำหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ถ้าไม่เขียนไว้เลยก็จะกลับไปสู่สิ่งที่เคยประสบมาตลอด ซึ่งเป็นการเขียนกว้าง ๆ ว่าจะต้องมีการคมนาคมอย่างไร ทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้นอย่างไร มีการเชื่อมโยงการคมนาคมหลักมายังรถไฟฟ้า รัฐบาลพยายามแก้ทุกอย่างให้สมบูรณ์ และจะพยายามทำให้รถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย ระยะทาง 1 กิโลเมตรเชื่อมโยงกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่มีอยู่ก่อนนี้ให้ได้ รัฐบาลนี้จะพยายามรวบรวมของเดิมที่มีอยู่ให้เดินต่อไปให้ได้ วันนี้ถ้าผมไม่ทำแล้วใครจะทำเพราะต้องเปิดประมูลใหม่ใช้เวลาอีกนานเป็นปีกว่าจะเสร็จผมไปก็ยังไม่เสร็จ แต่สิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดในสมัยเราโดยการทำอย่างยุติธรรม ไม่ให้เกิดการคอรัปชั่น แต่อย่ามาจับจ้องว่าทุกอย่างทุกจริตหมด ทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้ทำ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
 
นายกฯกล่าวว่า ที่ผ่านมาข้าราชการคิดแบบข้าราชการ ประชาชนคิดแบบประชาชนซึ่งไม่ตรงกัน วันนี้ประชาชนต้องเข้าใจว่าขั้นตอนทุกอย่างต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง เหมาะสม ไม่ใช่มัวแต่ต่อต้านแล้วก็ไม่เกิดอะไรทั้งสิ้น วันหน้าเราจะดำเนินการอะไรก็ต้องดำเนินการโดยรัฐบาลที่ทุกคนเลือกเข้ามา เขาก็มีสิทธิ์ที่จะบริหารราชการในแต่ละเรื่อง แต่คิดออกมาแล้วทุกคนต้องตรวจสอบว่าขั้นตอนต่าง ๆ ถูกต้องหรือไม่แต่เราก็ต้องปล่อยให้รัฐดำเนินการด้วย อะไรที่ผิดก็ตรวจสอบ แต่หากต่อต้านตั้งแต่ต้นก็เดินต่อไปไม่ได้
 
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลนี้มีโครงการที่จะทำถึง 5 แสนโครงการ ทั้งใหญ่กลางเล็กทั่วประเทศ นี่คือความแตกต่าง แต่ยอมรับว่างบประมาณอาจ มีรั่วไหล ก็ต้องไปไล่ดู ซึ่งในอดีตไม่เคยวุ่นวายเรื่องแบบนี้ สักแต่ใช้งบไปถึงเวลาก็ไปเลือกตั้งแล้วกลับมาใหม่ ประชาชนต้องดูว่าความแตกต่างวันนี่อยู่ตรงไหน รัฐบาลนี้เข้ามาแต่คนทำบัญชีมีเท่าเดิม ทำข้ามวันข้ามคืน เร่งทุกอย่างให้ดีขึ้นมามาก ในโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในภาคเกษตรกร
 
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของพลังงานไฟฟ้าการผลิตไฟฟ้ารอบบ้านเราทั้งหมด มีแหล่งก่อเกิดไฟฟ้าจากแก๊สน้ำมัน คนที่บอกว่าไทยมีแหล่งน้ำมันมากกว่าซาอุดิอาระเบียนั้นนั่งเทียนมาหรือเปล่า มีการสำรวจมาหมดแล้วประเทศไหนมีเท่าไร เขาจึงสนใจอุดหนุนเท่าไร ฉะนั้นอย่าไปเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน ถ้าไม่ฟังข้อมูลของรัฐแล้วจะไปฟังข้อมูลใคร เรื่องของพลังงานถ้าไม่เริ่มทำวันนี้ วันหน้าเริ่มใหม่คงไม่ทัน ต้องซื้อแพงเท่าไรก็ไม่รู้ วันนี้เรามีพอใช้แค่จำนวนหนึ่งเท่านั้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือนำเข้า ที่ตนพูดวันนี้ไม่ได้แก้ตัวให้ใคร เราต้องกำหนดการแก้ไขปัญหาให้เกิดการร่วมมือเข้าใจซึ่งกันและกัน
 
“ซื้อหนังสือพิมพ์อ่านทุกวันนี้มีอะไรสบายใจบ้างหน้าแรกมีแต่ฆ่ากันยิงกัน ตามด้วยเรื่องการเมืองและพล.อ.ประยุทธ์ ออกกำลังกาย แตกต่างจากหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งเขาเอาไว้ข้างใน กรอบเล็ก ๆ แต่สิ่งดี ๆ ที่ผมพูดไปอยู่ในกรอบเล็ก ๆ หน้าหนึ่งเป็นเรื่องเตะตระกร้อไม่ถูกลูก แก่ขนาดนี้ทำได้เท่านี้ก็เก่งแล้ว” นายกฯ กล่าว
 
นายกฯ กล่าวว่า วันนีสถานการณ์ทุจริตในไทยดีขึ้น หน่วยงานต่าง ๆ ต้องทำงานเชื่อมโยงกัน ซึ่งวันนี้คตร.ตนได้ให้หยุดไปก่อนเพราะตอนนี้อยู่ในระยะที่สอง อยากให้หน่วยงานราชการทำงานอย่างเต็มที่ ส่งเสริมให้ข้าราชการอยู่ในกรอบธรรมาภิบาล เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณวันนี้เราบริหารให้ใช้จ่ายอย่างถูกวิธี จัดทำแผนแม่บทมีระยะเวลาการใช้เงิน ไม่จ่ายทีเดียวเป็นก้อนแต่จ่ายผูกพันได้ หากอนุมัติแบบเดิมเงินจะค้างท่อเหมือนเดิม ใช้งบตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางซึ่งแล้วแต่รัฐบาลประชาธิปไตยเข้ามาจะทำหรือไม่ อยู่ที่ประชาชนเลือก ก็คอยบังคับเขาแล้วกันวันนี้เราต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้าง ดูทีวีช่องอื่นบ้าง นอกจากช่องที่มีละครนาคี ตนอ่านหนังสือพิมพ์ทราบว่าเรื่องนี้กำลังดัง ไม่เคยได้ดูเดี๋ยวจะไปลองดูสักที ตนดูทีวีที่มีการนำเสนอเรื่องบริหารจัดการน้ำ ทำถนนต่าง ๆ ในต่างประเทศ เพื่อที่จะมาสั่งการได้
 
โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (2560-2564) ว่า องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ได้ประกาศค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ประจำปี 2558 ซึ่งไทยได้ 38 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน และได้ลำดับที่ 76 จาก 168 ประเทศทั่วโลก และลำดับที่ 3 จาก 9 ของประเทศอาเซียน แสดงให้เห็นว่าการทุจริตยังคงรุนแรงและเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเริ่มแก้ไข ดังนั้น ป.ป.ช.จึงกำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (2560-2564) โดยมีวิสัยทัศน์ว่า ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต ประกอบด้วย 6 ยุทธศาตร์ คือ สร้าสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ยกระดับเจตจำนงทางการเมืองต่อการต้านการทุจริต สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยาบาย พัฒนาระบบป้องกันทุจริตเชิงรุก ปฏิรูปกลไลและกระบวนการปราบปรามการทุจริต และยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศ อย่างไรก็ตาม ไทยมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มระดับคะแนน CPI  ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50
 
จากนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษในหัวข้อ เรื่องเล่าของพ่อ ขอทำดีเพื่อแผ่นดิน มีใจความตอนหนึ่ง ว่า หากทุกคนสังเกตพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะพบว่ามีคำว่าสุจริตอยู่ในทุกกระแสรับสั่ง เช่น พระราชดำรัสที่ให้โอวาทกับบัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2499 ว่า การจะทำกิจการใดให้สำเร็จต้องมีความอุตสาหะ ความซื่อสัตย์สุจริต มีเมตตา และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวม หากใครทำได้ตามนี้ก็จะประสบผลสำเร็จ
 
“นอกจากนี้หากสังเกตจะพบว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะไม่ตรัสถ้อยคำในแง่ลบ เช่น หากต้องการเตือนไม่ให้ทุจริต ก็จะตรัสว่าจงอยู่อย่างสุจริต และหากมีความขัดแย้งแตกแยก ก็จะตรัสว่า จงรักสามัคคีกัน และหากจะเตือนสติว่าอย่าโลภมาก ก็จะตรัสว่าจงอยู่อย่างพอเพียง” นายวิษณุ กล่าว
 
นายวิษณุ ยังถ่ายทอดเรื่องราวเมื่อครั้งที่รับตำแหน่งเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และต้องประสานให้คณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนทำหน้าที่ ซึ่งในระหว่างนั้นตรงกับวันหยุดราชการ คณะรัฐมนตรีจึงเลื่อนเพื่อขอเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนในวันธรรมดา แต่รับสั่งว่า หากรัฐบาลไม่ติอะไร ก็ไม่ต้องเกรงใจเรา ให้เข้ามาถวายสัตย์ปฏิญาณตนได้ เพื่อจะเริ่มต้นการทำงาน เนื่องจากปัญหาบ้านเมืองรอไม่ได้ และรับสั่งภายหลังคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า พระเจ้าแผ่นดินไม่มีวันหยุดราชการ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้