บก.ป.แถลงผลปฏิบัติการณ์ 'SAVE ผ้าขาว' ทลายเครือข่ายหลอกเด็กหญิงค้าประเวณีต่างแดน

Last updated: 30 ต.ค. 2565  |  3647 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บก.ป.แถลงผลปฏิบัติการณ์ 'SAVE ผ้าขาว' ทลายเครือข่ายหลอกเด็กหญิงค้าประเวณีต่างแดน

บก.ป.แถลงข่าวปฏิบัติการณ์ 'SAVE ผ้าขาว' ทลายเครือข่ายหลอกเด็กหญิงค้าประเวณีที่มาเลเซีย พบเหยื่อถูกหลอกจากกลุ่มสมัครงานเฟซบุ๊ก อ้างพาไปทำร้านนวด ล่าสุดช่วยเหยื่อได้อีก 4 รายเป็นหญิงไทย 2 อินโดนีเซีย 2

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2565 ที่ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยว่า ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ นำโดย พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ (ผบก.ปคม.) ได้เปิดปฏิบัติการ “SAVE ผ้าขาว” โดยปิดล้อมตรวจค้น 2 จุดในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา จับกุมเครือข่ายค้าประเวณีเด็กหญิงไทยข้ามชาติ ได้ผู้ต้องหา 2 คน นอกจากนี้ยังประสานหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศมาเลเซีย (CID) จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มได้อีก 3 คนในโรงแรมย่าน Selangor ประเทศมาเลเซีย พร้อมช่วยเหยื่อเป็นหญิงไทย 2 คน และหญิงชาวอินโดนีเซีย 2 ราย ที่ถูกหลอกลวงไปขายบริการทางเพศออกมาได้อย่างปลอดภัย

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช กล่าวต่อว่า สืบเนื่องจาก เด็กหญิงผู้เสียหายวัยเพียง 13 ปี ได้โพสต์หางานในกลุ่มคนหางานทางเฟซบุ๊ค ต่อมา น.ส.เมธินี อายุ 38 ปี ได้ส่งข้อความหลอกชักชวนให้ไปทำงานร้านนวดไทยที่ประเทศมาเลเซีย อ้างว่ามีรายได้ 2 หมื่นบาท - 2 แสนบาทต่อเดือน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง มีสวัสดิการที่พักและอาหารฟรี ทำให้เหยื่อหลงเชื่อเก็บสัมภาระเดินทางไปหา น.ส.เมธินี ที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อรอส่งตัวไปประเทศมาเลเซีย โดยมี นายวันเผด็จ อายุ 41 ปี เป็นคนรับตัวเหยื่อไปพักที่บ้าน น.ส.เมธินี ก่อนที่ นายลีโอ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาอีกคนจะพาตัวไป อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส และส่งข้ามไปยังประเทศมาเลเซียโดยผ่านช่องทางธรรมชาติ

เมื่อเหยื่อเด็กหญิงวัย 13 ปี เดินทางถึงประเทศมาเลเซีย ได้พบกับ น.ส.เมธินี ผู้ชักชวนให้เด็กไปทำงาน และยังพบกับ น.ส.เกษณี อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้ควบคุมเครือข่ายขายบริการทางเพศในมาเลเซีย และ นางนฤมล อายุ 44 ปี ที่เป็นผู้จัดหาลูกค้า จากนั้นทั้ง 3 คนได้ร่วมกันบังคับขู่เข็ญให้เหยื่อขายบริการทางเพศที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ถนนพาดูอูลู เขตชีราส กรุงกัวลาร์ลัมเปอร์ จนทำให้เหยื่อมีอาการปวดท้องไม่สบาย แต่ก็ยังบังคับให้ขายบริการต่อ และยังข่มขู่ว่าหากไม่ทำงานจะส่งไปขายให้บุคคลอื่น

ต่อมาเหยื่อทนไม่ไหวแอบโทรศัพท์กลับไปขอความช่วยเหลือกับทางบ้าน ก่อนที่นางอรทัย (สงวนนามสกุล) มารดาของเหยื่อ ได้เข้าขอความช่วยเหลือจาก บก.ปคม. ซึ่งหลังจากนั้นเพียง 3 วัน ตำรวจ ปคม. ก็ประสานกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เข้าช่วยเหลือเด็กหญิงเอและส่งตัวกลับ ประเทศไทยได้ในที่สุด และตำรวจจึงเริ่มสืบสวนดำเนินคดี

ด้าน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามเหยื่อทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าเครือข่ายคนร้ายกลุ่มนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ น.ส.เกษณี ตาท้าว, นางนฤมล แฟงฟัก, น.ส.เมธินี แสงไข่, นายกอแต้ หรือลีโอ สัญชาติเมียนมาร์ และนายวันเผด็จ เรืองฤทธิ์ ในข้อหา "สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ , ร่วมกันค้ามนุษย์ฯ , ร่วมกันเป็นธุระจัดหาฯ , ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นฯ , ร่วมกันกระทำด้วยประการใด โดยการช่วยเหลือ ให้ความสะดวก หรือคุ้มครองการค้าประเวณีฯ, ร่วมกันชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร ฯ , ร่วมกันชักจูง ยุยง ส่งเสริม ยินยอม หรือการทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก , ร่วมกันชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารฯ และพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี"

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ตำรวจไทยได้ปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจมาเลเซียสามารถจับกุมผู้ต้องหาประกอบด้วย น.ส.เกษณี ตาท้าว นางนฤมล แฟงฟัก และน.ส.เมธินี แสงไข่ ได้ในประเทศไทยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมาสามารถจับกุม นายกอแต้ หรือลีโอ สัญชาติเมียนมาร์ และนายวันเผด็จ เรืองฤทธิ์ ได้ที่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา และช่วยเหยื่อเป็นผู้หญิงไทยไว้ได้ 2 คน และอินโดนีเซีย 2 คนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยพี่น้องประชาชน สำหรับปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย เพียงแค่ใช้งานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันเด็กและเยาวชนมีพฤติกรรมเสพติดการใช้งานสื่อโซเชียลเป็นอย่างมาก อาชญากรจึงอาศัยช่องว่างดังกล่าว แฝงตัวเข้ามาชักจูงเหยื่อ โดยยื่นข้อเสนอต่างๆ ให้เหยื่อหลงเชื่อ จนนำไปสู่การหลอกลวงไปค้าประเวณีต่างประเทศ หากผู้ปกครองใส่ใจบุตรหลานของท่าน เข้าถึงพฤติกรรมการใช้งานสื่อโซเชียลบุตรหลานของท่านอยู่เสมอ และหมั่นให้ความรู้และเตือนภัยให้ทราบและรู้เท่าทันถึงรูปแบบการกระทำความผิดของ อาชญากรบนสื่อสังคมออนไลน์ บุตรหลานของท่านจะไม่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากร และเติบโตเป็นอนาคตของครอบครัวและประเทศชาติต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของผู้ที่เป็นธุระจัดหาเด็กเพื่อไปค้าประเวณี หรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบอื่นใด การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะต้องรับโทษทางอาญา หากประชาชนท่านใดมีเบาะแส หรือได้รับความเดือนร้อน จากการกระทำในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลเข้ามาได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ สายด่วน 1191 หรือเพจเฟซบุ๊ก กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้